ค่าไฟแพงทำไงดี? รวมวิธีเลือกแอร์ประหยัดพลังงาน เซฟค่าไฟได้ชัวร์!
อากาศเมืองไทยในช่วงนี้ถือว่าร้อนมาก เปิดแค่พัดลมก็ไม่ไหว ดังนั้นในทุกบ้านเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์คอนดิชันเนอร์จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ซึ่งถ้าหากคุณยังไม่มีแอร์และสนใจจะซื้อ แต่ยังไม่รู้ว่าควรซื้อแบบไหน ในบทความของเรามีวิธีเลือกแอร์มาฝากคุณ
1. วิธีเลือกแอร์ให้ตรงกับการใช้งานควรเลือกอย่างไร?
วิธีการเลือกแอร์สามารถเลือกจากการใช้งาน ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ
แอร์ติดผนัง
เป็นแอร์ที่ผู้คนนิยมใช้กันมาก เนื่องจากมีขนาดเล็ก เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยน้อย หรือไม่ต้องการให้พื้นดูรก ซึ่งแอร์ติดผนังจะมีเสียงเบา และรูปลักษณ์ทันสมัย แต่ทั้งนี้จะไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก หรือในห้องที่ต้องใช้ความเย็นมากเป็นระยะเวลานาน
แบบตั้งพื้น หรือแบบแขวน
แอร์ประเภทนี้จะเป็นแอร์ที่ให้พลังงานสูงมาก ซึ่งเหมาะกับห้องทุกขนาดและติดตั้งตรงพื้นหรือแขวนเพดานก็ได้ ส่วนข้อเสียคือรูปลักษณ์ดูไม่ทันสมัย และยังกินไฟมากกว่าอีกด้วย
2. วิธีเลือกแอร์ให้ตรงขนาดกับห้อง ต้องดูอย่างไร?
วิธีเลือกแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้องจะช่วยให้แอร์ได้เต็มประสิทธิภาพ และให้คุ้มกับเงินที่เสียไป อันดับแรกต้องดูขนาด BTU/h โดยสิ่งนี้สามารถดูได้ว่าแอร์เครื่องนั้นดึงความร้อนออกจากห้องได้กี่ BTU ต่อชั่วโมง ซึ่งจะรู้ว่าต้องใช้แอร์ BTU เท่าไหร่ ต้องดูจากขนาดของห้อง (ความกว้าง x ยาว) และอื่น ๆ อย่างห้องโดนแสงแดดไหม ความสูงของเพดานห้องเท่าไหร่ จำนวนคนในห้องมีกี่คน เป็นต้น
โดยถ้าเลือกแอร์ที่ BTU ต่ำเกินไปจะส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานหนัก เพื่อทำให้อุณหภูมิแอร์ตรงตามที่ตั้งไว้จึงส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นและแอร์เสื่อมสภาพไว หากเลือกแอร์ที่มี BTU สูงเกินไปก็ต้องเสียค่าไฟมากกว่าเดิมเช่นกัน เพราะแอร์ BTU สูงมากจะยิ่งราคาแพงและกินไฟมากนั่นเอง
3. วิธีเลือกแอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน ต้องเลือกแบบไหน?
วิธีเลือกแอร์ที่ช่วยประหยัดพลังงานควรเลือกใช้แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะถือว่าเป็นระดับที่ประหยัดไฟได้มากที่สุด และเลือกแอร์ที่มีค่า EER หรือ SEER สูง ซึ่งค่า EER เป็นค่าที่บ่งบอกว่าแอร์เครื่องนั้นมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานเป็นอย่างไร โดยสามารถวัดได้จากการทำความเย็น (BTU/h) ต่อกำลังไฟที่ใช้ไป (W) หากค่า EER สูงมากเท่าไหร่ ก็จะกินไฟน้อยเท่านั้น ส่วนค่า SEER คือค่าที่บ่งบอกประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามฤดูกาลของแอร์เครื่องนั้น โดยค่านี้จะใช้วัดกับแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ซึ่งถ้าค่า SEER สูง ก็จะกินไฟน้อย
อีกทั้งแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) จะมีความสามารถในการเพิ่มหรือลดความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์ตามอุณหภูมิห้องได้ ดังนั้นจึงช่วยประหยัดพลังงานได้ดีกว่าแอร์แบบธรรมดา เสียงไม่ดัง และทำให้อุณหภูมิคงที่ได้มากกว่า
4. แอร์แต่ละ BTU เหมาะกับห้องขนาดไหน มีวิธีเลือกแอร์อย่างไร?
สำหรับวิธีการเลือกแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง ต้องดูว่าห้องนั้นควรต้องใช้แอร์ที่มี BTU เท่าไหร่ โดย BTU จะมีตั้งแต่ 9,000 – 80,000 หากต้องการประหยัดพลังงาน และต้องการให้แอร์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เราแนะนำว่าควรต้องเลือกแอร์ที่ขนาดของ BTU สัมพันธ์กับขนาดของห้อง
โดยห้องขนาดเท่าไหร่ เหมาะกับแอร์ที่มีค่า BTU เท่าไหร่สามารถดูได้ตามดังนี้เลย
BTU | ห้องปกติ | ห้องโดนแดด |
---|---|---|
9,000 | 12-15 ตร.ม. | 14-18 ตร.ม. |
12,000 | 11-14 ตร.ม. | 24-30 ตร.ม. |
18,000 | 16-20 ตร.ม. | 21-27 ตร.ม. |
21,000 | 28-35 ตร.ม. | 25-32 ตร.ม. |
24,000 | 32-40 ตร.ม. | 28-36 ตร.ม. |
25,000 | 35-44 ตร.ม. | 30-39 ตร.ม. |
30,000 | 40-50 ตร.ม. | 35-45 ตร.ม. |
35,000 | 48-60 ตร.ม. | 42-54 ตร.ม. |
48,000 | 64-80 ตร.ม. | 56-72 ตร.ม. |
80,000 | 80-100 ตร.ม. | 70-90 ตร.ม. |
สรุป
ในบางครั้งสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟแพงอาจมาจากการเลือก BTU แอร์ไม่เหมาะสมกับขนาดของห้อง เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ต้องทำงานหนัก เพื่อคงอุณหภูมิให้คงที่อยู่เสมอ ดังนั้นหากต้องการประหยัดพลังงาน วิธีเลือกแอร์และค่า BTU ให้ตรงกับขนาดห้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเราหวังว่าบทความวิธีเลือกซื้อแอร์จะมีประโยชน์กับใครหลายคน
Auscon เราคือบริษัทรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร ตั้งแต่รับออกแบบบ้าน การออกแบบสถาปัตยกรรม ฮวงจุ้ย ไปจนถึงการควบคุมงานก่อสร้างบ้าน อาคารพาณิชย์ หรือ โรงงาน โดยทีมงานมืออาชีพ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊ก AusCon Real Estate
ขอบคุณเนื้อหาจาก :
https://home.kapook.com/view45373.html
https://tacsynergy.com/ดูบทความ-57867-วิธีเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ.html
https://www.daikin.co.th/service-knowledge/buy-air-conditioner/
https://www.daikin.co.th/service-knowledge/how-to-calculate-btu/